รัชกาลที่
7 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว

พระราชประวัติรัชกาลที่ 7
แห่งราชวงศ์จักรี
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
(ประสูติ พ.ศ. 2436
ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 2468 - พ.ศ. 2477)
มีพระนามเดิมว่า เจ้าฟ้าชายประชาธิปกศักดิเดช
กรมหลวงสุโขทัยธรรมราชา
พระราชประวัติ
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นโอรสองค์ที่ 76
ทรงเป็นพระโอรสองค์เล็กของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ซึ่งทรงประสูติแด่สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนารถ
นับว่าเป็นพระราชโอรสองค์เล็กสุด ประสูติ เมื่อวันที่ 8
พฤศจิการยน พ.ศ. 2436 ตรงกับวันพุธ แรม 14
คํ่า เดือน 11 ปีมะเส็ง ทรงพระนามเดิมว่า "
เจ้าฟ้าชายประชาธิปกศักดิเดช กรมหลวงสุโขทัยธรรมราชา "
เมื่อทรงมีพระชนมายุได้ 12 พรรษา พระองค์ได้เข้าศึกษา
ในวิทยาลัยทหารบก ณ ประเทศอังกฤษจนจบและได้เสด็จกลับมารับราชการในรัชกาลที่ 6
ซึ่งเป็นพระเชษฐาธิราชของพระองค์
โดยได้รับยศเป็นนายพันโททหารบกมีตําแหน่งเป็นราชองครักษ์
และผู้บังคับการโรงเรียนนายร้อยชั้นประถม
ต่อมาภายหลังได้เลื่อนตําแหน่งเป็นลําดับจนเป็นนายพันเอก
มีตําแหน่งเป็นปลัดกรมเสนาธิการทหารบก ก่อนขึ้นครองราชสมบัติมีตําแหน่งเป็นผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่
2
การขึ้นครองราชย์
เมื่อได้เสด็จขึ้นครองราชย์แล้ว
โปรดแต่งตั้งสภาอิรัฐมนตรีขึ้นให้มีหน้าที่ให้คําปรึกษาราชการและบริหารการเมือง
โปรดให้ร่วมการศึกษาวิทยุคมนาคมกับต่างประเทศ พระองค์เริ่มจัดงบประมาณของประเทศขึ้นเพราะขณะนั้นได้เกิดเศรษฐกิจตกตํ่าทั่วโลก
พระองค์เริ่มต้นตัดทอนงบประมาณแผ่นดินเป็นครั้งแรกเหตุการณ์นี้เป็นมูลเหตุของการปฎิวัติใน
ปีพ.ศ. 2475 ประองค์ทรงตัดทอนรายจ่ายของพระองค์เอง
ข้าราชการที่รับราชการที่จนล้นงานก็ให้ออกจากกระทรวงทบวงกรมต่างๆ เป็นจํานวนมาก
ศิลปวัฒนธรรมประเพณีแลการปกครอง
-- การแต่งกาย พ.ศ. 2475
มาแล้ว ผู้ชายไทยนิยมนุ่งกางเกงขายาว
-- การเลิกประเพณี ทรงให้เลิกพิธีศรีสัจปานกาล
-- ศิลปทางด้านปฎิมากรรมชั้นเยี่ยม ได้แก่
ปฎมบรมราชานุสรณ์
-- การศึกษา พระราชทานทุนทรัพย์ส่วนพระองค์ตั้งเป็นทุนเล่าเรียนวิชาวิทยาศาสตร์คณะราษฎร
เมื่อทําการปฎิวัติเสร็จ ได้มีการประกาศแผนการศึกษาเมื่อ พ.ศ. 2475
มีการตั้งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
และการเมืองตราพระราชบัญญัติจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยใน พ.ศ. 2477
การเปลี่ยนแปลงการปกครอง
หลังจากที่พระองค์ทรงครองราชย์ได้ 7 ปี
ก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองไปสู่ระบบประชาธิปไตยขึ้นเมื่อวันที่ 24
มิถุนายน พ.ศ. 2475 โดยบุคคลคณะหนึ่งซึ่งชื่อว่า
"คณะราษฎร"
มีพระยาพหลพลพยุหเสนากับพวกเป็นผู้ก่อการยึดอํานาจการปกครองประเทศซึ่งพระองค์ก็ยอมรับรองอํานาจของคณะราษฎร
ที่จะจํากัดพระราชอภิสิทธิของพระองค์
โดยคณะราษฎรได้ให้คํามั่นสัญญาแก่ประชาชนชาวไทยว่าจะแก้ไขภาวะทางเศรษฐกิจที่ตกตํ่าให้ดีขึ้น
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระราชทานรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวให้
เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2475
และได้พระราชทานรัฐธรรมนูญฉบับถาวรให้เมื่อวันที่ 10
ธันวาคม พ.ศ. 2475
พ.ศ. 2476
ได้เกิดกบฎวรเดชขึ้น รัฐบาลแห่งคณะราษฎรได้ทําการปราบปรามจนสําเร็จ
เสด็จสวรรคต
เมื่อวันที่ ๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระองค์ได้ตัดสินพระทัย สละราชสมบัติ ต่อมาได้เสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ ๓๐ พฤษภาคม
พ.ศ. ๒๔๘๔ด้วยโรคพระหทัยพิการ ณ ประเทศอังกฤษ พระราชหัตถเลขา ที่ทรงลาออกจากราชบัลลังค์
มีความตอนหนึ่งว่า "ข้าพเจ้ามีความเต็มใจ
ที่จะสละอำนาจอันเป็นของข้าพเจ้าอยู่เดิม ให้แก่ราษฎรโดยทั่วไป แต่ข้าพเจ้าไม่
ยินยอมยกอำนาจทั้งหลาย ของ ข้าพเจ้าให้ แก่ผู้ใด คณะใดโดยเฉพาะ เพื่อใช้อำนาจ
โดยสิทธิขาด และโดยไม่ฟังเสียง อันแท้จริงของ ประชาราษฎร"
พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๔
พระราชลัญจกรประจำรัชกาลที่ ๗
เป็นรูปพระแสงศร ๓ องค์ คือ พระแสงศรพรหมมาสตร์ พระแสงศร ประลัยวาต
และพระแสงศรอัคนีวาต บนราวพาดพระแสง เหนือขึ้นไปเป็น ดวงตรามหาจักรีบรมราชวงศ์
ภายใต้ พระมหาพิชัยมงกุฎ ด้านซ้ายและขวา ตั้งบังแทรก มีลายกนกแทรกอยู่ บนพื้น
ตอนบนของดวงตรา พระแสงศร ๓ องค์ นี้เป็นพระราชสัญลักษณ์ของพระบรม นามาภิไธย
"ประชาธิปกศักดิเดชน์" "เดชน์" แปลว่า ลูกศร
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น